เร่งหาหลักฐานเสนอเพิกถอนวีซ่า "เดวิด ฝรั่งเตะหมอ" เข้าข่ายมาเฟีย ข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้เกิดความกลัว
Source: mgronline.com
ภูเก็ต - จังหวัดภูเก็ตเร่งหาหลักฐานทางธุรกิจและการจดทะเบียนมูลนิธิช่วยช้าง ของนายเดวิด คู่กรณีหมอ เพื่อเสนอเพิกถอนวีซ่าที่จะหมด 13 มี.ค.นี้ หลังพิจารณาเข้าข่ายมาเฟีย ข่มขู่คุกคามผู้อื่นให้เกิดความกลัว
เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (4 มี.ค.) นายอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงกรณีที่ รมว.มหาดไทย มีคำสั่งให้จังหวัดภูเก็ต ดำเนินการตรวจสอบมาเฟียต่างชาติในพื้นที่ ว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตได้สั่งให้นายอำเภอทั้ง 3 อำเภอ และหน่วยงานด้านความมั่นคงตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่าใครบ้างที่เข้าข่ายมาเฟีย หรือผู้มีอิทธิพลในการคุกคามข่มขู่ผู้ประกอบการที่ผิดกฎหมายต่างๆ โดยให้เร่งตรวจสอบและขึ้นบัญชีมาเฟีย และให้แต่ละอำเภอรีบรายงานมาเพื่อจะมีการดำเนินการต่อไป
โดย ผวจ.ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองในการเพิกถอนวีซ่าชาวต่างชาติที่มีการกระทำผิดกฎหมาย โดยคณะกรรมการชุดนี้จะพิจารณาหลักเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเสนอให้ในส่วนที่เกี่ยวข้องไม่ต่อวีซ่าหรือเพิกถอนวีซ่า ตลอดจนขึ้นบัญชีดำ ไม่ให้มีการกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก ซึ่งถือว่าเป็นกระบวนการทางกฎหมาย ต้องใช้เวลา
ส่วนกรณีนายเดวิด นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า หากดูตามสื่อต่างๆ ที่มีการนำเสนอข่าวน่าเข้าข่ายมาเฟีย เพราะมีพฤติกรรมข่มขู่คุกคาม ทำให้ผู้อื่นเกิดความหวาดกลัว และให้ตรวจสอบต่อว่าทำผิดกฎหมายหรือไม่ และจากการสอบถามไปยังตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต พบว่า นายเดวิด อยู่ในภูเก็ตได้นั้นใช้วีซ่านักธุรกิจที่เข้ามาลงทุนและจดทะเบียนมูลนิธิในภูเก็ต ซึ่งทางจังหวัดภูเก็ตได้ทำหนังสือตรวจการจดทะเบียนมูลนิธิไปยังนายทะเบียนว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ หากดำเนินการไม่ถูกต้องและไม่มีการเคลื่อนไหว จะต้องเพิกถอนการจัดตั้งมูลนิธิ โดยนายทะเบียนจะต้องทำหนังสือถึงอัยการเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนมูลนิธิ และในส่วนของการประกอบธุรกิจปางช้าง กำลังตรวจสอบว่าดำเนินการเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ และวีซ่าที่ตรวจสอบไปทาง ตม.ภูเก็ต ทราบว่าจะครบกำหนดในวันที่ 13 มี.ค.นี้ จะพิจารณาว่าจะต่อวีซ่าหรือไม่ ประเภทไหนอย่างไร แต่ถ้าการพิจารณาคดีเสร็จหลัง 13 มี.ค.นี้ จะต้องต่อวีซ่าเป็นผู้ต้องหาในคดี
"คดีนี้เป็นคดีแรกที่มีการตรวจสอบการถือครองวีซ่าของชาวต่างชาติ และเป็นคดีแรกที่ทางจังหวัดมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ" รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวและว่า
ส่วนกรณีเรื่องปัญหาที่ดินในพื้นที่นั้น รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ปัญหาที่สาธารณะ ขอยืนยันต้องเป็นสมบัติของพี่น้องชาวไทยทุกคนสามารถเข้าไปใช้ได้ ไม่มีผู้ใดจะสามารถยึดถือครอบครอง ส่วนที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุการณ์และเป็นประเด็น ขณะนี้เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนบันไดหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำที่สาธารณะ ให้มีการรื้อถอนภายใน 30 วัน โดยมีคำสั่งเมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อครบ 30 วัน ไม่มีการรื้อถอน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะเข้าไปรื้อถอนเองและเรียกร้องค่าเสียหายในการดำเนินการได้
ส่วนหลักฐานในที่ดินได้ให้กรมที่ดินตรวจสอบหลักฐานต่างๆ ว่ามีการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ อย่างไร และถ้าที่มาของที่ดินไม่ถูกต้องจะมีการพิจารณาตามกระบวนการของหลักฐานในที่ดินต่อไป จังหวัดยังคงยืนยันในการให้ความเป็นธรรม และยืนยันที่จะคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของคนไทย