Stay on this page and when the timer ends, click 'Continue' to proceed.

Continue in 17 seconds

ผู้เสียหายร้องถูกเจ้าหนี้โหด ยกพวกมารุมทำร้าย

ผู้เสียหายร้องถูกเจ้าหนี้โหด ยกพวกมารุมทำร้าย

Source: สำนักข่าวไทย อสมท
Author: Chanakarn Rojnarak

สมุทรปราการ 2 เม.ย. - ผู้เสียหาย ร้องถูกเจ้าหนี้โหด ยกพวกจะมารุมทำร้าย แต่ได้คนในอู่ซ่อมรถมาช่วยไว้ อ้างเจ้าหนี้เส้นใหญ่ ทำร้ายใครก็ไม่เคยถูกดำเนินคดี

ผู้เสียหาย นำคลิปเข้ามาแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.สำโรงเหนือ เป็นวินาทีกลุ่มเจ้าหนี้โหด บุกเข้ามาทวงหนี้ แต่โชคดีที่คนในอู่ซ่อมรถมาช่วยไว้ แต่ก็ไม่วายที่กลุ่มเจ้าหนี้ยังข่มขู่ลูกหนี้ ว่า "ถ้าเจอตัว จะเก็บเรียงตัว" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในซอยแบริ่ง 44 ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ คืนวันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด เมื่อคืนนี้ ผกก.สภ.สำโรงเหนือ ได้เรียกผู้ต้องหา 3 คน จากทั้งหมด 13 คน เข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม โดยจำนวนนี้ มีนายปอน อายุ 33 ปี เจ้าหนี้ นายอ้วน อายุ 32 ปี และนายดำ อายุ 40 ปี

นายปอน (เจ้าหนี้) อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุ ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน ได้ไปพบ นายหน่อง (ลูกหนี้) ซึ่งเป็นเพื่อนคบหากันมา 4-5 ปีแล้ว นั่งอยู่ในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ จึงเข้าไปทวงหนี้ที่เคยยืมไปเมื่อช่วงปีใหม่ จำนวน 3,000 บาท แต่นายหน่อง กลับไม่พอใจ เข้ามาต่อว่าจนเกิดมีปากเสียง ก่อนที่นายหน่องจะเข้ามาชกต่อยตนเอง ขณะนั้นเห็นว่านายหน่องมีพวกอยู่เกือบ 10 คน จึงโทรตามเพื่อน 4-5 คนเข้ามาช่วย หลังจากเพื่อนมาถึง ได้มีการขอโทษกันแล้ว แต่จู่ๆ เรื่องก็บานปลาย เนื่องจากมีเพื่อนของนายหน่อง เดินออกมาพร้อมกับเขวี้ยงค้อนใส่ไปถูกปากเพื่อนของตนเอง ได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะเกิดเหตุชุลมุน ยืนยัน ไม่ได้รู้จักตำรวจใหญ่โต ตามที่ผู้เสียหายเอาไปร้อง

ด้าน พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัสโส ผกก.สภ.สำโรงเหนือ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุ ผู้เสียหายได้เข้ามาแจ้งความตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. ต่อมาได้มอบหมายฝ่ายสืบสวน ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด และรวบรวมหลักฐาน และเรียกฝ่ายของนายปอน มาแจ้งข้อหาแล้วทั้งหมด 10 คน ฐานร่วมกันบุกรุก, ร่วมกันทำร้ายร่างกาย, ทำให้เสียทรัพย์ ส่วนนายปอน เจ้าหนี้ ถูกแจ้งข้อหาปล่อยเงินกู้อันตราดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดอีก 1 ข้อหา

อย่างไรก็ตาม หลังจากฝ่ายสืบสวนนำหมายศาลเขาไปตรวจค้นบ้านนายปอนแล้ว ไม่พบหลักฐานอื่นที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด ส่วนสำนวนนั้นจะสามารถส่งฟ้องได้ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ .-สำนักข่าวไทย